โรคหนองใน

หนองใน ต้องรักษา ห้ามปล่อยทิ้งไว้

หนองใน (Gonorrhoea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “ไนซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae)” โดยพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหนองในมีหลายรูปแบบ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยแตก รั่ว รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องปาก ช่องคลอด และทวารหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น

หนองใน มีกี่ประเภท ?

หนองใน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ หนองในแท้ และหนองในเทียม

  • หนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Neisseria gonorrhoeae หนองในประเภทนี้จะมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียประมาณ 1-10 วัน
  • หนองในเทียม เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Chlamydia trachomatis หนองในประเภทนี้ จะไม่ค่อยแสดงอาการที่ชัดเจน และมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียนานกว่า 10 วันขึ้นไป

อาการหนองใน ที่สังเกตได้ง่าย

อาการหนองในผู้ชาย

ผู้ชายที่เป็นหนองใน จะมีอาการปัสสาวะขัดอย่างรุนแรง และมีหนองสีเหลืองข้น ไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ มักเกิดอาการหลังรับเชื้อไปแล้ว 2-5 วัน ถ้าไม่รักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะอักเสบ ฯลฯ ซึ่งทำให้เป็นหมันได้

อาการหนองในผู้หญิง

ผู้หญิงที่เป็นหนองใน จะมีอาการตกขาว มีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะแสบขัด เพราะเกิดการอักเสบที่ท่อปัสสาวะ และปากมดลูก ถ้าไม่รีบรักษาเชื้อจะลุกลาม ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ต่อมบาร์โธลินอักเสบ เป็นฝีบวมโต การอักเสบในอุ้งเชิงกราน ปีกมดลูกอักเสบ การอุดตันของท่อรังไข่ ซึ่งทำให้เป็นหมันหรือตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

หนองใน ติดต่อกันได้อย่างไร

หนองใน ติดต่อกันได้อย่างไร ?

หนองใน สามารถติดต่อกันได้จากบุคคลสู่อีกบุคคล จากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ที่มีเชื้อหนองใน ไม่ว่าจะเป็นทางปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก รวมทั้งหากมีการร่วมเพศทางปาก ก็อาจทำให้ติดโรคที่ลำคอได้

**การจับมือ การใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน หรือการใช้ห้องน้ำร่วมกัน ไม่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อหนองในได้**

ภาวะแทรกซ้อนของหนองใน

ภาวะแทรกซ้อนของหนองในฝ่ายชาย

ถ้าไม่ได้รับการักษา อาจมีหนองไหลอยู่ประมาณ 3-4 เดือน และเชื้อหนองในอาจลุกลามเข้าไปยังบริเวณใกล้เคียง ทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ท่อปัสสาวะตีบตันได้ อาจทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ หรือเป็นฝีที่ผนังของท่อปัสสาวะ ในบางรายอาจทำให้เกิดการอักเสบของอัณฑะ และท่อนำอสุจิ ซึ่งอาจทำให้มีบุตรได้ยากหรือกลายเป็นหมันได้

ภาวะแทรกซ้อนของหนองในฝ่ายหญิง

เชื้อหนองในอาจลุกลามทำให้ต่อมบาร์โทลิน (Bartholine’s gland) ที่แคมใหญ่จนเกิดการอักเสบ หรือเป็นฝีบวมโต หรืออาจทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ หรือปีกมดลูกอักเสบ ซึ่งถ้าเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง เมื่อหายแล้วก็อาจจะทำให้ท่อรังไข่ตีบตัน กลายเป็นหมัน หรือทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

หนองในป้องกันได้อย่างไร ?

  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหนองใน
  • งดการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยโรคหนองใน
  • ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง
หนองใน รักษาอย่างไร

หนองใน รักษาอย่างไร ?

การรักษาหนองใน รักษาได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าร้อยละ 95 ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่ตามมา ในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนแล้ว เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น ท่านอาจจะต้องนอนรับการรักษาในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ การรักษาหนองในจะได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยที่จะต้องรับประทานยาให้ครบตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้เมื่อหายแล้ว ยังควรกลับไปตรวจซ้ำตามแพทย์นัด จนกว่าจะแน่ใจว่าหายสนิท

หนองใน หายเองไหม หากไม่รักษา ?

ผู้ป่วยที่เป็นหนองในบางรายอาจมีอาการดีขึ้นเอง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเป็นหนองในจึงควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์จะดีที่สุด เพราะหนองในสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ หากไม่รักษา แล้วไปแพร่เชื้อให้คู่นอน อาการหนองในก็จะกลับมาเป็นได้อีก และมีโอกาสที่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

อ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

Related Posts

มารู้จักกับโรคหนองในของผู้ชายและผู้หญิง

“หนองใน  (Gonorrhea)” คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกชนิดที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในชายและหญิง หากไม่มีวิธีป้องกันตนเองอย่างถูกต้อง ซึ่งอาการของโรคของทั้ง 2 เพศนี้จะแตกต่างกันออกไป รวมถึงการติดเชื้อหนองในแท้และหนองในเทียมด้วย เพื่อเป็นแนวทางการศึกษาข้อมูลที่ชัดเจน มาดูกันว่าโรคนี้มีอาการอย่างไรบ้างระหว่างชายและหญิง โรคหนองในแท้ โรคนี้เกิดจากร่างกายได้รับเชื้อ Neisseria gonorrhea เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ถ้าเป็นผู้ชายเชื้อจะเข้าร่างกายผ่านทางเยื่อบุท่อปัสสาวะ ส่วนผู้หญิงจะเข้าทางปากมดลูกหรือท่อปัสสาวะ มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ในทุกช่องทางแบบไม่มีการป้องกันอย่างดี ระยะฟักตัว 1-14 วัน แต่ส่วนมากเมื่อรับเชื้อแล้ว 3-5 วัน ก็จะแสดงอาการ อาการในผู้ชาย เมื่อปัสสาวะจะรู้สึกแสบ…